Diary no.7

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 7
วันศุกร์ที่ 3 มีนาคม 2560 เวลา 13.30 - 16.30

ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ (ต่อ) 
             
          จากบันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 3 ครั้งที่ 4 และครั้งที่ 5 นั้นเราได้เรียนรู้ในเรื่องของประเภทของเด็กที่มีความต้องการไปแล้วทั้งหมด 7 ประเภท วันนี้เราจะมาเรียนรู้ในสองประเภทสุดท้ายคือ เด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ และเด็กพิการซ้อน
 

     8.เด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ (Children with Behavioral and Emotional Disorders)
          เด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ จะมีความรู้สึกนึกคิดที่ผิดไปจากปกติ แสดงออกถึงความต้องการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น มีความเชื่อมั่นในตนเองต่ำ มีการควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในสภาพปกตินานๆ ไม่ได้ ควบคุมพฤติกรรมบางอย่างของตนเองไม่ได้ และทำให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้
ลักษณะของเด็กบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
     - ความวิตกกังวล (Anxiety) ซึ่งทำให้เด็กมีนิสัยขี้กลัว
     - ภาวะซึมเศร้า (Depression) มีความเศร้าในระดับที่สูงเกินไป
     - ปัญหาทางสุขภาพ และขาดแรงกระตุ้นหรือความหวังในชีวิต
การจำแนกเด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ ตามกลุ่มอาการ
1. ด้านความประพฤติ (Conduct Disorders)
     - ทำร้ายผู้อื่น ทำลายสิ่งของ ลักทรัพย์
     - ฉุนเฉียวง่าย หุนหันพลันแล่น และเกรี้ยวกราด
     - กลับกลอก เชื่อถือไม่ได้ ชอบโกหก ชอบโทษผู้อื่น
     - เอะอะและหยาบคาย
     - หนีเรียน รวมถึงหนีออกจากบ้าน
     - ใช้สารเสพติด
     - หมกมุ่นในกิจกรรมทางเพศ



          นี่คือตัวอย่างการวาดภาพของเด็กที่มีความบกพร่องทางอารมณ์ ซึ่งสังเกตจากการสื่ออารมณ์ความรู้สึกออกมาจากการวาดภาพนั้น น้องจะสื่อถึงความตาย สิ่งชั่วร้ายต่างๆ หรือการทำร้ายคนอื่นเป็นต้น
2. ด้านความตั้งใจและสมาธิ (Attention and Concentration)
     - จดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งในระยะสั้น (Short attention span) อาจไม่เกิน 20 วินาที
     - ถูกสิ่งต่างๆ รอบตัวดึงความสนใจได้ตลอดเวลา
     - งัวเงีย ไม่แสดงความสนใจใดๆ รวมถึงมีท่าทางเหมือนไม่ฟังสิ่งที่ผู้อื่นพูด
3. สมาธิสั้น (Attention Deficit)
     - มีลักษณะกระวนกระวาย ไม่สามารถนั่งนิ่งๆ ได้ หยุกหยิกไปมา
     - พูดคุยตลอดเวลา มักรบกวนหรือเรียกร้องความสนใจจากผู้อื่น
     - มีทักษะการจัดการในระดับต่ำ
4. การถอนตัวหรือล้มเลิก (Withdrawal)
     - หลีกเลี่ยงการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น และมักรู้สึกว่าตนเองด้อยกว่าผู้อื่น
     - เฉื่อยชา และมีลักษณะคล้ายเหนื่อยตลอดเวลา
     - ขาดความมั่นใจ ขี้อาย ขี้กลัว ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก
5. ความผิดปกติในการทำงานของร่างกาย (Function Disorder)
     - ความผิดปกติเกี่ยวกับพฤติกรรมการกิน (Eating Disorder)
     - การอาเจียนโดยสมัครใจ (Voluntary Regurgitation)
     - การปฏิเสธที่จะรับประทาน
     - รับประทานสิ่งที่รับประทานไม่ได้
     - โรคอ้วน (Obesity)
     - ความผิดปกติของการขับถ่ายทั้งอุจจาระและปัสสาวะ (Elimination Disorder)
6. ภาวะความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ระดับรุนแรง
     - ขาดเหตุผลในการคิด
     - อาการหลงผิด (Delusion)
     - อาการประสาทหลอน (Hallucination)
     - พฤติกรรมการทำร้ายตัวเอง
สาเหตุที่เด็กบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
     1. ปัจจัยทางชีวภาพ (Biology)
     2. ปัจจัยทางจิตสังคม (Psychosocial)
ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเด็ก
     - ไม่สามารถเรียนหนังสือได้เช่นเด็กปกติ
     - รักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนหรือกับครูไม่ได้
     - มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เมื่อเทียบกับเด็กในวัยเดียวกัน
     - มีความคับข้องใจ มีความเก็บกดอารมณ์
     - แสดงอาการทางร่างกาย เช่น ปวดศีรษะ ปวดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
     - มีความหวาดกลัว
          โดยเด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรม ซึ่งจัดว่ามีความรุนแรงมากนั้น ได้แก่ เด็กสมาธิสั้น  และเด็กออทิสติก
เด็กสมาธิสั้น (Children with Attention Deficit Hyperactivity Disorders)
             ADHD เป็นภาวะผิดปกติทางจิตเวช มีลักษณะเด่นอยู่ 3 ประการ คือ
     1. Inattentiveness
     2. Hyperactivity
     3. Impulsiveness
Inattentiveness (สมาธิสั้น)
          เด็กจะมีลักษณะทำอะไรได้ไม่นาน วอกแวก ไม่มีสมาธิ ไม่สามารถจดจ่อกับงานที่กำลังทำได้นานเพียงพอ มักใจลอยหรือเหม่อลอยง่าย แต่เด็กเล็กๆ จะเล่นอะไรได้ไม่นาน เปลี่ยนของเล่นไปเรื่อยๆ
โดยเด็กโตมักทำงานไม่เสร็จตามที่สั่ง ทำงานตกหล่น ไม่ครบ ไม่ละเอียด
Hyperactivity (ซนอยู่ไม่นิ่ง)
          เด็กจะมีลักษณะซุกซนไม่ยอมอยู่นิ่ง ซนมาก เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เหลียวซ้ายแลขวา ยุกยิก แกะโน่นเกานี่ อยู่ไม่สุข ปีนป่าย นั่งไม่ติดที่ และชอบคุยส่งเสียงดังรบกวนคนรอบข้าง
Impulsiveness (หุนหันพลันแล่น)
          เด็กจะมีลักษณะยับยั้งตัวเองไม่ค่อยได้ มักทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด วู่วาม ขาดความยับยั้งชั่งใจ ไม่อดทนต่อการรอคอย หรือกฎระเบียบ ไม่อยู่ในกติกา ทำอะไรค่อนข้างรุนแรง พูดโพล่ง ทะลุกลางปล้อง
และไม่รอคอยให้คนอื่นพูดจบก่อน ชอบมาสอดแทรกเวลาคนอื่นคุยกัน
สาเหตุทีทำให้เด็กเป็นสมาธิสั้น
          เด็กสมาธิสั้นเกิดจากความผิดปกติของสารเคมีบางชนิดในสมอง เช่น โดปามีน (dopamine) นอร์อิพิเนฟริน (norepinephrine) ความผิดปกติในการทำงานของวงจรที่ควบคุมสมาธิ และการตื่นตัว อยู่ที่สมองส่วนหน้า (frontal cortex) ต่อมาคือพันธุกรรม และสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ
***ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสมาธิสั้นความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสมาธิสั้น
          สมาธิสั้น ไม่ได้เกิดจากความผิดของพ่อแม่ที่เลี้ยงดูลูกผิดวิธี ตามใจมากเกินไป หรือปล่อยปละละเลยจนเกินไป และไม่ใช่ความผิดของเด็กที่ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ แต่ปัญหาอยู่ที่การทำงานของสมองที่ควบคุมเรื่องสมาธิของเด็ก
          เด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นนั้น ทางการแพทย์ก็จะมียารักษาโรคนี้โดยตรง คือ ยาที่มีชื่อว่า Methylphenidate กับ Atomoxetine โดย Methylphenidate [ (MPH) (Ritalin®) ] เป็นยาที่รักษาโรคสมาธิสั้นและโรคลมหลับ ส่วนยา Atomoxetine ก็เป็นยาที่รักษาโรคสมาธิสั้นเช่นกัน แต่จะใช้ในเด็กที่อายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไปรวมถึงวัยรุ่นและในผู้ใหญ่

ลักษณะของเด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
     - อุจจาระ ปัสสาวะรดเสื้อผ้า หรือที่นอน
     - ยังติดขวดนม หรือตุ๊กตา และของใช้ในวัยทารก
     - ดูดนิ้ว กัดเล็บ
     - หงอยเหงาเศร้าซึม การหนีสังคม
     - เรียกร้องความสนใจ
     - อารมณ์หวั่นไหวง่ายต่อสิ่งเร้า
     - ขี้อิจฉาริษยา ก้าวร้าว
     - ฝันกลางวัน
     - พูดเพ้อเจ้อ
     9. เด็กพิการซ้อน (Children with Multiple Handicaps)
          เด็กพิการซ้อนคือ เด็กที่มีความบกพร่องที่มากกว่าหนึ่งอย่าง เป็นเหตุให้เกิดปัญหาขัดข้องในการเรียนรู้อย่างมาก เช่น เด็กปัญญาอ่อนที่สูญเสียการได้ยิน เด็กปัญญาอ่อนที่ตาบอด เด็กที่ทั้งหูหนวกและตาบอด เป็นต้น 

ที่มา : เอกสารการสอน โดยอาจารย์ตฤณ แจ่มถิน
ข้อมูลตัวยา : เว็ป "หาหมอ"
เรียบเรียง : นางสาวนพเก้า  โมลาขาว นักศึกษาสาขาการศึกษาปฐมวัย


การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้
          เราได้เข้าใจถึงเด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ได้ดีมากขึ้น ได้รู้ถึงอาการ สาเหตุ ตัวยาต่างๆ ซึ่งทำให้เราสามารถนำความรู้เหล่านี้ไปใช้ในการประกอบวิชาชีพครูในการดูและศิษย์และยังสามารถนำความรู้เหล่านี้ไปให้คำปรึกษาแก่ผู้ปกครองเด็กได้

การประเมินผล
1. ตนเอง : ตั้งใจศึกษาดูงาน เรียนรู้ และจดบันทึก
2. เพื่อน : ตั้งใจเรียน สนุกกับสิ่งที่ครูสอน
3. อาจารย์ :ใช้การอธิบายที่เข้าใจง่าย และมีการยกกรณีตัวอย่างของเด็กที่อาจารย์เคยพบเจอมาบอกเล่าให้นักศึกษาฟัง ซึ่งทำให้นักศึกษาเข้าใจได้ง่ายขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น